นางไข่ฟ้า (หมาเก้าหาง) (นิทานของชาวไทเขิน)
เมื่อก่อนมีเมือง ๆ หนึ่ง มีทุคคตะ (คนจน) ๒ พ่อลูก ก่อนพ่อจะตายได้สั่งลูกว่า ถ้าพ่อตายแล้วให้ เอาหัวพ่อไปด้วยไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใด ต่อมาไม่นานผู้เป็นพ่อก็ตายฝ่ายลูกจึงเอากะโหลกของพ่อติดตัว ไปด้วยทุกแห่ง ต่อมาไม่นานก็ออกจากบ้านไปอยู่ในป่า และปลูกกระท่อมในป่าแล้วเอากะโหลกของพ่อฝัง ไว้ใต้กระท่อมนั้น ต่อมาก็ออกไปทำงานเกี่ยวข้าวมาขายทุกวัน
วันหนึ่งชายยากจนคนนั้นออกไปเกี่ยวข้าว ไปพบไข่ใบหนึ่งซึ่งใหญ่มากเห็นว่าประหลาดดี จึงเก็บมา ไว้ในบ้าน ต่อมา ขณะที่เขาออกไปทำงาน ก็มีผู้หญิงสวยงามคนหนึ่งออกจากไข่นั้นมาทำงานหุงหาอาหาร ไว้ให้เขา เมื่อเขากลับจากเกี่ยวคาก็มาพบอาหารก็จึงแปลกใจว่าใครมาทำอาหารไว้ให้ตน จึงไม่กล้ากิน แต่กลิ่นของอาหารนั้นหอม เขาทนหิวไม่ได้จึงได้กินอาหารนั้นจนหมด ต่อมาเขาแสร้งออกไปเกี่ยวหญ้าคา แล้วแอบกลับมาดู จึงมาพบหญิงสาวคนหนึ่งสวยมากกำลังทำอาหาร เขาจึงถามว่านางมาจากที่ไหน เป็น ลูกของใคร หญิงสาวผู้นั้นจึงได้บอกว่านางนั้นได้ออกมาจากไข่ที่เขาเก็บจากป่ามาไว้ในบ้าน ต่อมาทั้ง ๒ คนจึงได้เป็นผัวเมียกัน และที่บ้านของเขานั้นก็เลี้ยงหมา ๙ หางไว้หนึ่งตัว
ไม่นานเจ้าเมืองได้ทราบว่าเขามีเมียสวยจึงอยากได้ จึงได้เรียกตัวเขาไปพบในวังและสั่งให้เขา ไปเอาไก่มาชนกัน โดยสัญญาว่าถ้าไก่ของชายผู้นั้นชนะก็จะยกเมืองให้ แต่ถ้าไก่เจ้าเมืองชนะเจ้าเมือง จะยึดเมียของเขาเสีย เขาจึงตกลงแล้วก็กลับบ้านมานั่งคิดว่าจะทำอย่างไรดี ฝ่ายเมียเมื่อทราบเรื่องก็ เอาข้าวมาหว่านหน้าบ้าน ก็มีอีเห็นตัวหนึ่งมากินข้าว เมียเขาจึงได้เสกคาถาให้อีเห็นเป็นไก่แล้วบอกให้ ผัวเอาไปชนกับไก่เจ้าเมือง เขาจึงเดินทางไปชนไก่กับเจ้าเมือง ไก่ของเจ้าเมืองก็แพ้ แต่เจ้าเมืองไม่ ยอมยกเมืองให้ตามสัญญา แต่กลับบอกให้เขาเอาวัวมาชนกันอีก เขาจึงได้กลับมาบ้าน มานั่งคิด ฝ่ายเมีย ก็มาถาม พอทราบเรื่องก็บอกว่าจะช่วยเหลือ แล้วนางจึงไปจับเสือในป่าแล้วเสกคาถาให้เป็นวัวแล้วนำ มาให้ผัวนางไปชนกับวัวเจ้าเมือง ปรากฏว่าวัวของเจ้าเมืองก็แพ้ เจ้าเมืองก็ไม่ยอม แต่กลับบอกให้เขา เอาช้างมาชน เขาจึงกลับบ้านมานั่งคิด ฝ่ายเมียก็มาช่วยโดยไปเอาฤาษีตนหนึ่งมาเสกเป็นช้างและให้ผัว ของนางนำไปชนกับช้างเจ้าเมือง ช้างของเจ้าเมืองก็แพ้ เจ้าเมืองจึงบอกว่าอีก ๗ วันจะยกเมืองให้
ต่อมาใกล้จะถึง ๗ วัน เจ้าเมืองก็สร้างกลองใบใหญ่ขึ้นใบหนึ่ง และให้คนไปอยู่ในกลองแล้วใช้คน นำไปหาเขาที่บ้านโดยบอกว่าเจ้าเมืองจะมีงานจึงได้เอากลองมาฝากไว้ แท้ที่จริงแล้วเจ้าเมืองนั้นอยาก จะสืบดูว่าเขามีของวิเศษอะไรจึงชนะเจ้าเมืองทุกอย่าง ตกตอนดึกมา สองผัวเมียจึงพูดคุยกัน ฝ่ายเมีย บอกเขาว่าห้ามกินไข่ทุกชนิด เพราะว่าจะทำให้นางไม่สบายและจะอยู่ไม่ได้ในเมืองมนุษย์ จะต้องกลับไป อยู่ที่เมืองของนางบนสวรรค์ เมื่อคนที่อยู่ในกลองได้ยินเช่นนั้นจึงนำเรื่องไปเล่าให้เจ้าเมือง เจ้าเมือง จึงจัดงานเลี้ยงขึ้นแล้วใช้คนไปเรียกผัวของนางมา พอผัวของนางมาถึงงานเลี้ยง ก็พบว่าอาหารทุกอย่าง ประกอบด้วยไข่ทั้งหมด เขาจึงนึกถึงคำบอกของเมียจึงไม่กินอาหาร เจ้าเมืองจึงโกรธ บอกว่าถ้าเขา ไม่กินแล้วก็จะถูกฆ่า เขาจึงกลัวจึงหยิบกินเพียง ๒-๓ คำ ซึ่งก็เพียงพอที่ฝ่ายเมียซึ่งอยู่ทางบ้านจะปวดหัว จนอยู่ต่อไปไม่ได้ จึงต้องกลับไปบนสวรรค์ แต่ก่อนจะกลับก็ได้ฝากแหวนวิเศษของนางไว้ให้ผัวโดยฝากไว้ กับหมา ๙ หางของนาง พอเขากลับมาถึงบ้านไม่พบเมียก็จึงเสียใจนัก หมา ๙ หางจึงบอกว่าไม่ต้อง เสียใจ ตนจะช่วยพาไปหาเมียแล้วจึงเอาแหวนนั้นให้เขา
หมา ๙ หางจึงพาเขาเดินทางมาถึงฝั่งน้ำแห่งหนึ่ง ก่อนจะข้ามน้ำ หมาได้สั่งเขาว่า ถ้าตนตดขึ้น ก็จงอย่าหัวเราะ เพราะว่าถ้าหัวเราะแล้วหางมันจะหลุด แล้วจึงให้เขาเกาะหางหมาเดินทางข้ามแม่น้ำ หมาก็ตดเขาก็หัวเราะ จึงทำให้หางหมาขาด เขาก็จับอีกหางหนึ่ง และหางหมาขาดถึง ๘ ครั้งจึงข้ามน้ำ ได้สำเร็จ ทำให้หมาเหลือหางเดียวมาจนทุกวันนี้
ฝ่ายหมาก็เจ็บปวดมากเพราะหางขาดและเดินทางมากับเขาได้ไม่นานก็ตาย เขาจึงนำศพหมาเดิน ทางต่อไป มีแมลงวันตัวหนึ่งมาขอกินเนื้อหมา เขาก็ให้แมลงวันกิน แมลงวันจึงช่วยแนะนำทางเขาจนถึง เขตเมืองของกา แมลงวันก็บอกว่าตนเดินทางต่อไปไม่ได้แล้ว และบอกว่าถ้าเมื่อใดที่ต้องการให้มันช่วย แล้วก็จงอธิษฐานถึงมัน เขาจึงเข้าไปในเขตเมืองของกา กามาพบเขาและขอกินเนื้อหมาอีก เขาก็จึงให้ กากิน กาจึงนำทางมาจนหมดเขตเมืองของกาถึงเขตของอีแร้ง กาก็ได้สั่งเขาอย่างเดียวกับแมลงวัน พอ เข้าเขตอีแร้ง ๆ ก็ขอเขากินเนื้อหมาอีก เขาก็ให้กินและอีแร้งก็กินจนหมด ต่อมาอีแร้งก็ไปส่งเขาจนหมด เขตเมืองของอีแร้ง เขาจึงเดินทางไปเรื่อย ๆ เขารู้สึกกลัวจึงไปนอนบนต้นไม้แห่งหนึ่งซึ่งใหญ่ที่สุด
ต่อมามีนก ๒ ตัวผัวเมียเป็นนกที่ใหญ่มากสามารถบินถึงชั้นฟ้าได้ ซึ่งชื่อว่านกอะจ๊ะเลเล(หัสดีลิงค์) บินมาเกาะที่ต้นไม้นั้นและได้คุยกันว่า วันนี้กินอิ่มแล้วพรุ่งนี้จะกินอะไรอีก ฝ่ายนกที่เป็นผัวจึงบอกว่า พรุ่งนี้ จะไปกินช้างที่เมืองจุมปอน(อุทุมพร) เขาจึงได้รู้ว่าเมียตนอยู่เมืองจุมปอน เขาจึงแอบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ ในหางปั่วนก(หางนกเส้นโต) รุ่งเช้านกก็บินไปยังเมืองจุมปอน และก็บินลงไปจะไปกินช้างที่ตาย เขาจึง หล่นตกลงมาจากขนนกแล้วก็เดินไปเรื่อย ๆ มาจนถึงท่าน้ำแห่งหนึ่ง พอดีทางเมืองนั้นจะทำพิธีอาบน้ำนาง ไข่ฟ้าซึ่งเป็นเมียของเขาและเป็นลูกสาวของเจ้าเมืองและใช้คนใช้มาหาบน้ำที่ฝั่งแม่น้ำนั้น คนใช้จึงได้มา พบกับเขาที่นั่น เขาจึงถามว่านางหาบน้ำไปทำไม คนใช้ก็บอกว่าตักไปให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ เขาจึง ช่วยนางยกหาบน้ำใส่บ่าแล้วแอบถอดแหวนใส่ลงในหาบน้ำ
พอนางคนใช้หาบน้ำมาถึงในวังแล้วไปเทให้ลูกสาวเจ้าเมืองอาบ แหวนจึงได้วิ่งเข้าสวมนิ้วมือของ ลูกสาวเจ้าเมืองจึงทำให้ลูกสาวเจ้าเมืองหรือนางไข่ฟ้ารู้ว่าผัวของนางมาตาม นางจึงถามคนใช้ว่าตักน้ำ ที่ไหนมา คนใช้ก็เลยเล่าให้ฟังว่าพบชายคนหนึ่งอยู่ที่ท่าน้ำ นางจึงบอกให้พ่อแม่ว่าผัวนางมาตาม พ่อแม่ นางจึงให้ทหารไปตามเขามา แล้วไม่ให้เห็นนาง แล้วจึงจัดงานและให้นางคนใช้อีก ๖ คนมาแต่งตัวให้ เหมือนนางไข่ฟ้าแล้วใช้ผ้าม่านปิดหน้าแล้วให้เขาไปเลือกว่าใครเป็นเมียของเขา โดยเอาแหวนของนาง ออกเสีย ฝ่ายชายผู้เป็นผัวของนางก็อธิษฐานให้แมลงวันมาช่วย แมลงวันจึงบินมาเกาะที่มือของนาง เขา จึงชี้ตัวนางได้ถูกต้อง ฝ่ายเจ้าเมืองผู้เป็นพ่อตาก็ไม่เชื่อจึงให้ใช้ผ้าม่านปิดแล้วให้นางทั้ง ๗ ยื่นนิ้วออกมา คนละนิ้ว แล้วจึงให้เขาเลือกชี้ว่านิ้วไหนเป็นของนางไข่ฟ้า ชายผู้เป็นสามีจึงอธิษฐานให้แมลงวันมาช่วย แมลงวันจึงมาเกาะที่นิ้วนาง ทำให้ชี้ได้ถูก เจ้าเมืองจึงเชื่อและยกรองเท้าวิเศษที่ใส่แล้วเหาะได้ให้ด้วย
จากนั้นเขากับเมียจึงเหาะลงมาที่กระท่อมเขาและได้มาฆ่าเจ้าเมืองที่โกงเขาถึง ๓ ครั้ง ๓ ครา แล้วเอาไฟเผาเมืองไหม้หมด ต่อมาจึงได้สร้างเมืองขึ้นใหม่ และทั้ง ๒ คนได้ครองเมืองนั้นสืบมา
หมายเหตุ นิทานเรื่องนี้ ตรงกับเรื่อง นางไข่พราง และสุพรหมโมกขกุมารชาดก และยังมีบางตอนที่คล้ายกับเรื่องพระสุธนหรือนางมโนห์รา
จาก ด้วยปัญญาและความรัก นิทานของชาวไทยวน นิทานของชาวไทลื้อ นิทานของชาว ไทใหญ่ นิทานของชาวไทเขิน
ที่มา www.openbase.in.th
0 ความคิดเห็น:
โพสต์ความคิดเห็น