ชายสองคนเป็นเพื่อนรักกันมาก ทำมาหากินอยู่ด้วยกัน ปลูกบ้านอยู่ริมแม่น้ำคนหนึ่ง ชื่อจักรพันธุ์ อีกคนหนึ่งชื่อวัชรพงศ์ วันหนึ่งจักรพันธุ์ออกไปทอดแหหาปลาโดยพายเรือไปตามแม่น้ำแห่งหนึ่ง ทอดไปทอดมาเกิดไปได้ผู้หญิงสาวสวยมาคนหนึ่ง จักรพันธุ์ก็พาหญิงคนนั้นลงเรือมาที่บ้านด้วย
เมื่อพายเรือมาจวนจะถึงบ้านแล้ว ด้วยความดีใจที่ไปทอดแหหาปลากลับได้สัตว์สองเท้ามาแทน เป็นคนสวยเสียด้วย จักรพันธุ์จึงตะโกนบอกวัชรพงศ์ว่า“วัชรพงศ์โว้ย ! ฉันกลับมาแล้ว คน คนว่ะคน”
ฝ่ายวัชรพงศ์ซึ่งกำลังหุงข้าวอยู่และหม้อข้าวกำลังเดือดพอดี“คน คนว่ะคน” ก็คิดว่าจักรพันธุ์คงเห็นหม้อข้าวกำลังเดือดอยู่ จึงบอกให้คน วัชรพงศ์จึงคนหม้อข้าวใหญ่เลย
พอพายเรือใกล้เข้ามาอีกกำลังจะจอด จักรพันธุ์ก็ตะโกนซ้ำ ๆกันว่า “คน คนว่ะคน” วัชรพงศ์ก็คนหม้อข้าวตามเสียงร้องของเพื่อน คนไปคนมาจนหม้อข้าวกระดอนตกลงมาจากเตาข้าวหกหมดเลย เมื่อจอดเรือแล้วจักรพันธุ์ก็พาหญิงสาวขึ้นไปบนบ้าน แล้วก็บอกกับวัชรพงศ์ว่า “นี่ไง ที่ฉันตะโกนมาเมื่อกี้นี้ว่าคน คนว่ะคน”
“เอ้า ฉันเข้าใจผิดคิดว่าเพื่อนบอกให้คนหม้อข้าว” วัชรพงศ์พูดพร้อมกับก้มหน้าเก็บกวาดข้าวที่หกอยู่แล้วจัดการตั้งหม้อข้าวใหม่ต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การฟังอะไรนั้น ควรฟังให้ตลอดเสียก่อนว่าอะไรเป็นอะไร อย่าฟังครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วนำไปปฏิบัติ
เพราะอาจเกิดความเสียหายขึ้นได้เข้าทำนองที่ว่า “ฟังไม่ได้ศัพท์จับเอามากระเดียด” นั่นเอง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น